ในร่างกายของเราให้ทำงานเป็นปกติ
ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเอนไซม์ในผักผลไม้แต่ละชนิด
ช่วยล้างไขมันและการทำงานของตับ* ขึ้นฉ่ายหรือเซเลอรี่
ช่วยในการทำให้เลือดสะอาดขึ้น
ช่วยเผาผลาญคอเลสเตอรอล
* มะระ
ช่วยในการฟอกเลือดและการทำงานของไต
* กระเทียม
ช่วยในการฆ่าเชื้อโรค
* แคนตาลูปและแตงโม
ช่วยในการทำงานของไต
* ลูกใต้ใบ
ช่วยในการทำงานของตับและไต
* ตำลึง
ช่วยในการสมานแผลในกระเพาะอาหาร
* สับปะรด
ช่วยสมานแผนในกระเพาะอาหาร
* ฝรั่ง
มีส่วนสำคัญในการต่อต้านสารก่อมะเร็งในร่างกาย
ช่วยให้กระบวนการเผาผลาญอาหาร
และพลังงานทำได้ดีขึ้น
* กระเทียม
ช่วยในการฆ่าเชื้อโรค
1. เพียงนำผลไม้ที่ต้องการ
มาสับหรือตำในครก
(ในกรณีที่ไม่มีเครื่องแยกกาก)
2. กรองผ่านผ้าขาวบาง
3. จะได้น้ำเอนไซม์
ตามกรรมวิธีธรรมชาติ
น้ำเอนไซม์ มีประโยชน์ต่อร่างกาย
แต่มีข้อจำกัดในการดื่มเช่นเดียวกัน
ไม่ควรผสมน้ำเอนไซม์หลายชนิดเข้าด้วยกัน
เพราะเอนไซม์แต่ละชนิด
จะมีฤทธิ์กดหรือทำลายกันได้
ควรดื่มคราวละชนิดเท่านั้น
หลังจากคั้นน้ำเอนไซม์เสร็จ
ควรดื่มทันที
หรือไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 30 นาที
และไม่ควรเติมวัตถุปรุงแต่งอื่น ๆ
ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ
เพราะจะทำลายคุณค่าที่อยู่ในเอนไซม์ได้
อีกทั้งควรดื่มน้ำเอนไซม์ให้หลากหลายชนิดสลับกันไป
เพราะน้ำเอนไซม์แต่ละชนิดมีประโยชน์ต่างกัน
1. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่ต้อง
หุง ต้ม ปิ้ง เผาอาหารก่อนกิน
ซึ่งผิดธรรมชาติไม่มีสัตว์ชนิดไหนทำกัน
เอนไซม์ในอาหารจึงถูกทำลาย
สัตว์ที่เลี้ยงไว้ก็พลอยต้องกินอาหารต้มสุกตามนายไปด้วย
2. ธรรมชาติกำหนดให้
มนุษย์เป็นสัตว์กินพืชผักเป็นหลัก
เห็นได้จากฟันมีไว้กินพืช
ไม่มีฟันซี่ใหญ่หรือเขี้ยวเพื่อไว้กัดหรือฉีกเนื้อ
ขากรรไกรเล็ก มีลำไส้ค่อนข้างยาว
ลำไส้สัตว์ที่กินเนื้อจะมีลำไส้สั้น
ดังนั้นมนุษย์กินเนื้อจึงฝืนธรรมชาติ
3. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียว
ที่กินน้ำมันที่ผ่านการกลั่นกรองเป็นอาหาร
4. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียว
ที่กินน้ำตาลทรายซึ่งเป็นอาหารที่ตายแล้ว
และเป็นยาเสพติดอันดับ 1 เป็นอาหารประจำวัน
ซึ่งผิดธรรมชาติไม่มีสัตว์ชนิดไหนทำกัน
5. โดยธรรมชาติสัตว์เมื่อเลยระยะหย่านม
จะเลิกกินนม แต่มนุษย์ยังคงกินนมและกินจนโต จนแก่
1. การกินอาหารที่ปรุงสำเร็จ
ทำให้ ->
2. อาหารที่กินเป็นอาหารตาย
เอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย
ทำให้ ->
3. ร่างกายต้องสร้างเอนไซม์
ย่อยอาหารเพิ่มขึ้นมาก
เพื่อชดเชยเอนไซม์ที่ควรจะได้จากอาหาร
ทำให้ ->
4. เมตาบอลิค เอนไซม์ต้องเปลี่ยนโฉม
ไปทำหน้าที่ย่อยอาหาร
และจำนวนที่สะสมในร่างกายก็ลดลง
ทำให้ ->
5. ร่างกายขาดความสามารถ
ในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ที่บกพร่อง
ระบบภูมิคุ้มกันโรคลดต่ำ
ทำให้ ->
6. แก่เร็วสุขภาพเสื่อม
* ขาดการออกกำลังกายและอยู่ในที่สิ่งแวดล้อมมีมลภาวะ
* มีความเครียดทั้งทางร่างกาย หรือ ทางจิตใจ
* ดื่มสุรา อาหาร หรือน้ำไม่สะอาด
* กินอาหารปรุงสำเร็จซึ่งเอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย
เพราะเกิดมาในขณะที่สิ่งแวดล้อมสะอาด
อาหารสด ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลงไม่มีการเติมสารเคมีให้พืชผัก
และใช้ยาฆ่าแมลงอย่างหนัก
ทำให้พื้นที่เพาะปลูกเสื่อมโทรม
เป็นผลให้พืชผัก
มีสารอาหารที่ไม่บริบูรณ์เหมือนแต่ก่อน
การเก็บพืชผักผลไม้ก่อนกำหนด
ทำให้ลดคุณค่าของอาหารลงไปอีก
รวมทั้งรสชาติของผลไม้จะผิดไป
การเลือกพืชเพื่อเพาะปลูกไว้จำหน่าย
ก็เลือกแต่พืชที่มีพันธุ์ทนแมลง
ทนกับการขนส่งระยะไกล
มากกว่าจะเลือกพืชเพื่อให้คนบริโภคได้คุณค่าทางอาหาร
ได้พิสูจน์ว่า ดี เอน เอ (DNA)
ในเซลล์ของร่างกายเป็นผู้ควบคุมการผลิตเอนไซม์
เรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอนไซม์
และถ้าเราแก่ตัวลงมาเมตาบอลิค
เอนไซม์ก็จะผลิตได้น้อยเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บแท้ที่จริงเกิดจากพื้นฐานของการขาดเอนไซม์
มีมากกว่าคนชรา (61-100 ปี) ถึง 30 เท่า
ไม่มีปัญหาการย่อยอาหาร
แต่เมื่อแก่ตัวลงกลับกินไม่ได้
เพราะเอนไซม์ย่อยอาหารเจือจางลงทำให้อาการผิดปกติต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
และการเก็บอาหารเป็นต้นเหตุ
ที่ทำลายเอนไซม์ที่มีอยู่ในอาหาร
ทำให้อาหารที่กินไม่มีเอนไซม์ร่างกายต้องผลิตออกมาเองจำนวนมาก
การใช้รังสีเพื่อถนอมอาหาร
การใส่สารกันเสีย การบรรจุกระป๋อง
การใช้แก๊สบ่มผลไม้ ฯลฯ
ได้เอนไซม์จากอาหาร (นมแม่)สมบูรณ์
นมผง นมสดที่ใช้ความร้อนทำลายเชื้อโรค
นมข้นหวานเป็นอาหาร (ของเด็กทารก)
ที่ไม่มีเอนไซม์เหลืออยู่
เป็นต้นเหตุให้มีอาหารที่ย่อยไม่หมด
ไปหมักหมมในลำไส้ใหญ่
เกิดสารพิษซึมเข้าสู่กระแสโลหิตทำให้เด็กเจ็บป่วยง่าย
อยู่ในอาหารตามธรรมชาติ เป็นจำนวนมาก
อาหาร ที่มนุษย์กินทุกชนิดจะมีตัวห้าม
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของพืชและสัตว์
ที่จะควบคุมและป้องกันไม่ให้เอนไซม์ย่อย
และทำร้ายตัวมันเอง
หรือเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อม
บางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
หรือได้พาเอนไซม์ไปส่งถึงจุดมุ่งหมายเมื่อเอนไซม์ขาดตัวควบคุมหรือขาดตัวห้าม
เอนไซม์ก็จะเริ่มทำงานตามหน้าที่และบทบาทของมันอย่างสบาย
ยอดผักหรือผลไม้ที่ยังอ่อน
จะเป็นกลุ่มที่มีตัวห้าม
การทำงานของเอนไซม์อยู่มาก
ดังนั้นการกินถั่วดิบๆ จึงทำให้เกิดอันตราย
เพราะได้รับตัวห้ามเข้าไปมาก
จนยับยั้งการทำงานหรืออาจทำลายเอนไซม์ของร่างกายได้อีกด้วย
มนุษย์อาจอายุยืนถึง 120ปีเพราะเซลล์ในร่างกายสามารถแบ่งตัว
ถ้าเอนไซม์ในร่างกายมีระดับต่ำ
โอกาสที่จะป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆเกิดได้ง่ายมาก
เอนไซม์ผลิตได้น้อยลง,คุณภาพต่ำ
การขาดเอนไซม์ย่อยอาหารมีได้หลายสาเหตุ
แต่การขาดชนิดเดียวที่ตับอ่อนไม่สามารถแก้ไขได้
คือ การขาดเอนไซม์เนื่องจากมีอายุมากขึ้น
หนุ่มสาวอายุ 21-31 ปี
มีเอนไซม์อไมเลสในน้ำลายมากกว่า
กลุ่มผู้สูงอายุ 69-100 ปี ถึง 30เท่า
อายุมากขึ้น เอนไซม์ผลิตน้อยลงมาก
แต่ความต้องการใช้ยังคงเหมือนเดิม
การขาดแคลนเมื่ออายุมากขึ้น
จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้
1. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสร้างเอนไซม์ขึ้นมาใช้เอง
ด้วยความสามารถในการผลิตที่แตกต่างกัน
2. เอนไซม์ เป็นตัวเร่งในการย่อยอาหารให้สมบูรณ์
ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพ
ถ้าย่อยได้ไม่ดี ถึงกินอาหารแสนดีก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น
3. เอนไซม์ควบคุม
และเร่งปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด
ถ้าไม่มีเอนไซม์ปฏิกิริยาเคมี
จะเกิดช้าจนชีวิตไม่สามารถรอได้
และทำปฏิกิริยาเคมีจำเพาะ
กับสารตั้งต้นที่ถูกกำหนดเท่านั้น
เอนไซม์ชนิดย่อยแป้งจะไม่ย่อยโปรตีน
เอนไซม์ชนิดย่อยไขมันจะไม่ย่อยแป้ง
ที่ความร้อนสูงเกิน 118 องศาฟาเรนไฮด์
หรือ เอนไซม์เปราะบางมาก
6. การแช่แข็ง ไม่ทำลายความสามารถของเอนไซม์
7. การขาดเอนไซม์ส่วนใหญ่เกิดขึ้น
เพราะไม่รักษาสุขภาพของตนเอง
บางกรณีเกิดจากปัญหากรรมพันธุ์
8. เอนไซม์ ที่มีระดับต่ำ
ในร่างกายสัมพันธ์กับโรคของความเสื่อมต่างๆ
(ถ้าเอนไซม์ต่ำมาก โรคแห่งความเสื่อมก็เกิดขึ้นมากตาม)
ถ้าไม่มีเอนไซม์ วิตามินก็คือเศษผงธรรมดา
เซลล์ทั้ง 60 ล้านล้านเซลล์
ต้องใช้เอนไซม์เพื่อเร่งปฏิกิริยาเคมี
ถ้าไม่มีเอนไซม์ ชีวิตจึงดำรงอยู่ไม่ได้
วิตามิน เกลือแร่ คือ ตัวร่วมกับเอนไซม์ (Coenzyme)
โดยตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
ถ้าไม่มีเอนไซม์ร่วมด้วย
วิตามินและเกลือแร่ก็เปล่าประโยชน์
เอนไซม์เป็นผู้สร้างเซลล์
สร้างอวัยวะ สร้างร่างกาย และสร้างชีวิต
เวลาเราตัดเถาตำลึง
สักครู่หนึ่งจะมียางใสๆไหลออกมา
หรือเวลาปอกแอปเปิ้ล
สักพักเนื้อแอบเปิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
นั่นคือกลไกการรักษาพยาบาล
และการเยียวยาตัวเอง
เพื่อไม่ให้เนื้อเยื่อที่เหลืออยู่
ถูกทำลายหรือเน่าเสีย
สิ่งที่ทั้งตำลึงและแอปเปิ้ลขับออกมานั่นคือ...เอนไซม์
เคี้ยวได้สักพักก็จะรู้สึกหวาน
ทั้งๆที่ข้าวนั้น ออกจะจืดในตอนแรก
นั่นเพราะเอนไซม์ในปากของเราชื่อ
PTYALIN หรือ AMYLASE
เปลี่ยนข้าวหรือแป้งในปากให้เป็นกลูโคส
ร่างกายของเราต้องการกลูโคสไปเลี้ยงสมอง
เพื่อให้สมองและประสาททำงานได้
ให้วงจรหรือระบบต่างๆของชีวิตทำงาน
เพื่อจุดประสงค์สองประการ
* ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตนั้น
หรือถ้าอันตรายเกิดขึ้นแล้ว
ก็ป้องกันไม่ให้อันตรายนั้นลุกลามหรือร้ายแรงยิ่งขึ้น
* เอนไซม์จะทำหน้าที่ส่งเสริม
หรือบำรุงให้ระบบต่างๆของชีวิตทำงานได้ดีหรือง่ายขึ้น
ได้พิสูจน์ว่า ดี เอน เอ (DNA)
ในเซลล์ของร่างกายเป็นผู้ควบคุมการผลิตเอนไซม์
เรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอนไซม์
และถ้าเราแก่ตัวลงมาเมตาบอลิค
ด้วยอาหารค่ะ
แต่ทว่าเมื่อเราเคี้ยวอาหาร
เอนไซม์ในอาหารจะถูกทำลาย
หรือเปลี่ยนสภาพด้วยเอนไซม์
ตั้งแต่ในปากเรื่อยไปถึงกระเพาะอาหาร
จึงแนะนำให้คั้นเอาแต่น้ำทำเป็นน้ำดื่ม
เอนไซม์ในอาหารจะผ่านปาก ลำคอ
ถึงกระเพาะ ไปสู่ลำไส้ โดยไม่ต้องถูกย่อย
และสามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปใช้ได้ทันที
เราต้องรู้จักธรรมชาติของเอนไซม์กันเสียก่อน
เอนไซม์ถูกทำลายได้ง่ายมากเมื่อ
* ถูกความร้อน การต้ม ผัด นึ่ง ลวก
ทำให้เอนไซม์ในผักตายหมด
* ถูกกระแสไฟฟ้าหรือกระแสแม่เหล็ก
ถ้าคุณใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า เอนไซม์จะตายหมด
แต่ถ้าใช้เครื่องแยกกาก (Juicer)
ซึ่งแยกกากไปทาง น้ำไปทาง จะใช้ได้
* ถูกเอนไซม์ตัวอื่นๆทำลาย
Samsung Galaxy Watch 3 Titanium S4, with Black Handle - Titanium
ตอบลบSamsung Galaxy watch 3 Titanium S4, with Black Handle sugarboo extra long digital titanium styler - titanium alloys titanium-arts.com. $149.00. Replacement. titanium camping cookware Black Handle $89.99. Type: titanium rod "White" Rating: titanium white octane blueprint 4.4 · 1 review · $149.00 · In stock